7/11/09

เที่ยว Hong Kong



 





 


ช่วงวันหยุดติดต่อกัน 3 วัน ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ค.’52 ที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยว Hong Kong กับครอบครัว ได้ออกเดินทางจากหาดใหญ่วันที่ 5 ก.ค. 52 เวลา สี่ทุ่มกว่า ๆ ถึงไปกรุงเทพฯ และได้พักโรงแรมทองทารีสอร์ทแอนด์สปา ซึ่งอยู่ไกล้สนามบิน ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาที ............วันต่อมาออกเดินทางจาก BKK ไปยัง Hong Kong โดยสารการบิน China Airline เวลาแปดโมงเช้า และถึงไป Hong Kong ประมาณเที่ยง จากนั้นก็นั่งรถเข้าเมือง ไปพักที่โรงแรมย่าน Yua Ma Tei และ Mong Kok ช่วงบ่ายก็ไปช้อปปิ้งและหาอาหาร (มุสลิม) ย่าน จิมซาจุ่ย ซึ่งมีมัสยิดหลังใหญ่อยู่ เราก็นั่ง Taxi ไปลงแถวมัสยิดย่านจิมซาจุ่ย ซึ่งราคา Taxi ที่นี่เริ่มที่ 18 เหรียญฮ่องกง ถึง จิมซาจุ่ย พวกเราก็หาอาหารทานบริเวณดังกล่าว จนแล้วจนรอดอาหารมุสลิมส่วนใหญ่เป็นอาหารอินเดียซะมากกว่า เพราะย่านดังกล่าวมีพวกแขกอินเดีย กับพวกอาหรับค่อนข้างเยอะ............เราอยากทานอาหารจีนมุสลิมหรือแบบไทย ๆ แต่ก็หาไม่เจอ เข้าห้างโน่นออกห้างนี่ก็ยังไม่เจอ สุดท้ายก็กินอาหารอาหรับผสมอินเดีย (ข้าวหมกกะบับแพะ) รสชาติอาหารก็ OK! แต่ราคาก็คิดแบบฮ่องกง ซึ่งถ้าเทียบกับอาหารไทยก็แพงเอาการอยู่กับอาหารจานเล็กราคาจานละประมาณ 300 บาท กว่า ๆ และน้ำดื่มขวดละ 10 เหรียญหรือตกประมาณ 45 บาท...........ทานอาหารเสร็จพอมีแรงก็เดินช้อปปิ้งและเที่ยว บริเวณอ่าว Victoria จนถึงช่วงเย็นก็ไปดูการแสดงแสง สี เสียงของอาคารฝั่ง Hong Kong จากนั้นรอบดึกก็ไปเดินเที่ยวย่าน Temple Market ………….วันต่อมา เข้าโปรแกรมทัวร์ตอนเช้ามีรถมารับไปเที่ยวย่านอ่าววิคทอเรีย และถ่ายภาพบริเวณทอปฮิตของฮ่องกงจากฝั่งเกาลูน จากนั้นนั่งรถลอดอุโมงค์ไปยังฝั่งฮ่องกง ไปนั่งเรือชมหมู่บ้านชาวประมงของฮ่องกง ซึ่งดูยังไงก็ไม่เห็นเป็นหมู่บ้าน มีแต่เรือหาปลาจอดอยู่มากกว่า เรือพาเราล่องไปเรื่อย ๆ เราก็คอยลุ้น ว่าเมื่อไหร่จะถึงหมู่บ้าน จนแล้วจนรอดก็พาเรานั่งเรือไปชมเรือประมงที่จอดอยู่มากมายหลายลำ พอเราจะลงเรือมิวายต้องจ่ายตังค์เพิ่มให้คนขับเรืออีกคนละ 50 เหรียญฮ่องกง......เซ็งจังเลย ไม่ประทับใจแล้วต้องจ่ายตังค์อีก คนอื่น ๆ ก็บ่นกันเป็นแถว นึกว่าโปรแกรมดังกล่าวรวมอยู่ในทัวร์ซะอีก..........จากนั้นก็ไปเที่ยวบริเวณเจ้าแม่กวนอิมเพราะคนที่มาส่วนใหญ่เป็นคนไทย เราก็ไปถ่ายรูป จากนั้นก็ไปชมโรงงานผลิตเครื่องประดับ จำหน่ายเครื่องประดับพวกเพชร ทอง ซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมของฮ่องกงเหมือนกันนอกจากเสื้อผ้าแฟชั่นแล้วก็เห็นร้านทอง ร้านเพชรนี่แหละมีมากมาย จากการสำรวจราคาแล้วค่อนข้างสูงอยู่ และดูเหมือนว่าของบ้านเราดีไซน์สวยกว่าและราคาต่ำกว่าด้วย..............จากนั้นไปเที่ยวช้อปปิ้งย่าน จิมซาจุ่ยอีกครั้งนึง วันนี้เราไปทานเที่ยงที่ร้าน KFC สั่งเมนูไก่ทอด (เนย) กับข้าวซุปเห็ด และข้าวโพดย่าง และเป็นที่น่าดีใจว่าราคา KFC ที่นี่ราคาโดยเฉลี่ยก็เหมือนกับบ้านเราหรืออาจจะถูกว่าบ้านเราด้วยซ้ำไป.....เราก็ฟาดซะอิ่มแปล้าแบบไม่เสียดายตังค์เลย..........ทานเสร็จก็ช้อปกันต่อย่านจิมซาจุ่ย โดยเฉพาะร้าน G2000 ช้อปไปหลาย เนื่องจากสินค้าในร้านนี้โดยเฉลี่ยต่ำกว่า ร้าน G2000 บ้านเรามาก.........จากนั้นก็เดินช้อปต่อย่าน Parklane พลาซ่า และเดินไปเรื่อย ๆ บริเวณถนน Nathan จนค่ำมืด.............จากนั้นก็ไปเที่ยวย่าน Ladies Market ซึ่งที่นี่ก็เป็นย่านที่ Recommended ของการท่องเที่ยว Hong Kong เหมือนกัน เราก็เดินดูของย่านนี้อยู่นานเหมือนกัน โดยสินค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่พบเห็นได้ตามย่านไชน่าทาวน์ทั่วไป เหมือนที่ KL หรือ สิงคโปร์ หรือย่านจำหน่ายของก้อบซะมากว่า มีสินค้าหลากหลาย มีนักท่องเที่ยว (น่าจะต่างชาติ) เยอะอยู่เหมือนกัน และสินค้าส่วนใหญ่แล้วก็เหมือน ๆ กัน ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ สู้จตุจักรบ้านเราไม่ได้.................เดินจนเหนื่อยก็นั่ง Taxi กลับโรงแรม


 


ที่พัก..............................วันรุ่งขึ้นก็ไปช้อปต่อย่าน จิมซาจุ่ย จากนั้นก็นั่งรถไฟใต้ดิน (ลอดใต้น้ำ)ไปฝั่งฮ่องกง และไปถ่ายรูปกับอาคารต่าง ๆ ที่เป็นพระเอกแสดงแสงสีเสียงยามค่ำคืน เช่น ตึก HSBC, ไชน่าแบงค์ และตึกที่สูงที่สุดใน Hongkong (จำชื่อไม่ได้) จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับโรงแรมที่พัก.............ช่วงเย็นก็ไปสนามบิน .....ช้อปที่สนามบินได้ซักพักก็ขึ้นเครื่องกลับ เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงถึงกรุงเทพประมาณเกือบเที่ยงคืน และไปพักที่โรงแรม รทองทา รีสอร์ทแอนด์ สปา จากนั้นก็เข้านอน ...........เช้ามืดเวลาตี 5 ก็ไปสนามบิน นั่งเครื่อง TG กลับถึงหาดใหญ่ประมาณ 7.30 จากนั้นก็เข้าทำงานต่อไป

 




7/10/09

อบรมการจัดการเรียนรู้ด้วยนวัตกรรม

ระหว่างวันที่ 9 -10 ก.ค. 52 ได้เข้าร่วมอบรม หัวข้อการจัดการเรียนรู้ด้วยนวัตกรรม

ในการอบรมครั้งนี้อาจารย์ได้ให้แนวคิดของประโยชน์ของเทคโนโลยี Web ยุค 2.0 เริ่มด้วย อาจารย์แนะนำให้ทุกคนรู้จัก Web Ning และได้สมัครเว็บการเรียนรู้นี้ http://skru20.ning.com และได้ให้ทุกคนเป็นสมาชิกของ Web Ning ซึ่งผมเองก็บได้สมาชิกคือ http://thanapat.ning.com จากนั้นก็ได้แนะนำ twitter ซึ่งของผมก็คือ http://twitter.com/tnanapat และอาจารย์ก็แนะนำ web Delicious ซึ่งเป็นเสมือน Bookmark ของ Web จากนั้นก็แนะนำ Application ของ iGoogle และ อื่น ๆของ Google เช่น docs.google.com, การ share documents, picasa, การทำ site โดย Google และการสร้าง Blog โดย google ซึ่งเราก็พอมีพื้นฐานอยู่บ้างก็เลยไปเร็วหน่อย และได้มีการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ อีกมากมาย

ซึ่งในการอบรมครั้งนี้มีประโยชน์มากในการนำเอาความรู้ Concept และเทคโนโลยี Web มาจัดการเรียนรู้ พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่แบบเดิม ๆ ที่อาจารย์พูดฝ่ายเดียว ซึ่ง concept ของรูปแบบการเรียนรู้แบบใหม่นี้สามารถ ชมจาก วิดีโอข้างล่างครับ



7/9/09

เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) กับการใช้ประโยชน์เพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน

(บทความลงเอกสาร MGT NEWs, วจก. SKRU by thanapat)

ในยุคที่อินเตอร์เน็ตกำลังเป็นที่นิยมและได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งจาก การพัฒนาของโลก เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) จากยุคแรกหรือเรียกว่า Web 1.0 ซึ่งมีลักษณะเป็น Static Web คือมีการนำเสนอข้อมูลทางเดียว ต่อมาเข้าสู่เว็บ ยุคที่ 2 หรือ Web 2.0 เป็นยุคที่เน้นให้อินเตอร์เน็ตมีศักยภาพในการใช้งานมากขึ้น เน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ลงบนเว็บไซต์ร่วมกัน และสามารถโต้ตอบกับข้อมูลที่อยู่บนเว็บไซต์ได้ และผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหา (Content) แลกเปลี่ยนและกระจายข้อมูลกันได้ทั้งในระดับบุคคล หรือกลุ่ม จนกลายเป็นสังคมในโลกอินเตอร์เน็ต หรือเรียกว่า สังคมออนไลน์ (Social Network) นั่นเอง
สังคมออนไลน์ (Social Networking) คือสังคมที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก ร่วมแบ่งปันสิ่งที่สนใจ และสามารถเชื่อมโยงกันได้ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ในโลกอินเตอร์เน็ต โดยอาศัยรูปแบบการบริการ เรียกว่า “บริการเครือข่ายสังคม หรือ Social Networking Service (SNS)” โดยเป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต ที่ใช้เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจกรรมที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น รวมทั้งข้อมูลส่วนตัว บทความรูปภาพผลงาน พบปะ แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือความสนใจร่วมกัน และกิจกรรมอื่นๆ รวมไปถึงเป็นแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ผู้ใช้สามารถช่วยกันสร้างเนื้อหาขึ้นได้ตามความสนใจของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มบุคคล

ปัจจุบันนี้มีเว็บไซต์ที่ให้บริการสังคมออนไลน์ มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดในอินเตอร์เน็ต และมีอัตราการเข้าใช้งานและสมัครสมาชิกสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เว็บไซต์ Myspace และ Facebook นอกจากนี้เว็บไซต์ที่ให้บริการ สังคมออนไลน์มีหลากหลายเว็บไซต์เช่น digg, Youtube, Multiply, linkedin และเป็นที่นิยมกันมากที่สุดในสังคมวัยรุ่นบ้านเราคือ Hi5 นั่นเอง
หลาย ๆ คน คงมี Web Social Network เป็นของตัวเอง บางคนมีหลาย ๆ เว็บด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตาม เราสามารถประยุกต์ใช้สังคมออนไลน์ กับงานด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ หรือการเรียนการสอนในลักษณะของการแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) ร่วมกัน การนำเสนอผลงาน การติวหนังสือด้วยกัน หรือแม้แต่กระทั่งการทำงานกลุ่มร่วมกัน
ปัจจุบันมี เว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Network Service (SNS) มากมาย และแต่ละเว็บก็ต่างคิดค้นพัฒนาเพื่อเอาใจผู้ใช้กันอย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งและยังมีฟังก์ชั่นมากมายแต่อาจมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปเพื่อเป็นจุดขายให้กับเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้เว็บ SNS เพื่อเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนความรู้และทำงานร่วมกันได้ โดยกลุ่มหลัก ๆ ของ SNS เพื่อการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้แบ่งออกได้ดังนี้
1. กลุ่มเว็บไซต์เผยแพร่ “ตัวตน”เว็บไซต์เหล่านี้ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ต หรือผู้ใช้สามารถเขียน blog สร้างอัลบั้มรูปของตัวเอง สร้างกลุ่มเพื่อนในห้องเรียน และสร้างเครือข่ายเพื่อการเรียนรู้ขึ้นมาได้ ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้คือ myspace.com, hi5.com และ facebook.com เป็นต้น
2. กลุ่มเวปไซต์เผยแพร่ “ผลงาน”เราสามารถใช้เว็บไซต์เหล่านี้ในการนำเสนอผลงานของตัวเอง ผลงานของกลุ่ม ได้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอ รูปภาพ หรือเสียงอาจารย์สอนที่ได้จากการบันทึกในชั้นเรียนเป็นต้น ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้เช่น YouTube.com, Yahoo VDO, Google VDO, Flickr.com, Multiply.com เป็นต้น
3. กลุ่มเว็บไซต์ที่มีความสนใจตรงกัน
มีลักษณะเป็น Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยมีแนวคิดที่ว่า แทนที่เราจะทำ Bookmark (เหมือนกับเราคั่นหนังสือ) เว็บที่เราชอบ หรือบทความรายงานที่เกี่ยวข้องกับการเรียน เก็บไว้ในเครื่องของเราคนเดียว สู้เรา Bookmark เก็บไว้บนเว็บจะดีกว่า เพื่อจะได้แบ่งให้เพื่อน ๆ คนอื่นดูได้ด้วย และเราก็จะได้รู้ด้วยว่าเว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมาก เป็นที่น่าสนใจ โดยดูได้จากจำนวนตัวเลขที่เว็บไซต์นั้นถูก Bookmark เอาไว้จากสมาชิกคนอื่นๆ ตัวอย่างเว็บไซต์นี้ ได้แก่ del.icio.us, Digg, Zickr, duocore.tv เป็นต้น
4. กลุ่มเว็บไซต์ที่ใช้ทำงานร่วมกัน
เป็นกลุ่ม SNS ที่เปิดให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มเข้ามานำเสนอข้อมูล ความคิดหรือต่อยอด เรื่องราวต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างเว็บไซต์นี้ได้แก่
WikiPedia เป็นสารานุกรมต่อยอด ที่อนุญาตให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยกันเขียน และแก้ไขบทความต่างๆ ได้ตลอดเวลา ทำให้เกิดเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย
ปัจจุบันเราสามารถใช้ Google Maps สร้างแผนที่ของตัวเอง หรือแชร์แผนที่ให้คนอื่นได้ด้วย จึงทำให้มีสถานที่สำคัญ หรือสถานที่ต่างๆ ถูกปักหมุดเอาไว้ พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้นๆ ไว้แสดงผลจากการค้นหาได้อีกด้วย

และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งสำหรับ Social Network นั้นก็คือ เราสามารถพูดคุย นำเสนอ บอกเล่าเรื่องส่วนตัว และเรื่องราวการเรียน เรื่องราวที่เราสนใจ หรือแม้แต่การทำรายงานของเราและของกลุ่มเราได้ ดังนั้นเราจึงควรใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตและเว็บสังคมออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ แทนที่จะนำเสนอรูปภาพส่วนตัวหรือเรื่องราวที่ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ หันมารวมกลุ่มกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกันโดยผ่านเว็บไซต์สังคมออนไลน์ที่มีให้บริการฟรีอยู่มากมายหลากหลายในอินเตอร์เน็ต


ลองชมวิดีโอจาก ต่อไปนี้เกี่ยวกับ Social Network



ชม Concept ของ Web 1.0 2.0 และ 3.0