5/26/07

Winner vs Loser

The Winner is always part of the answer;
The Loser is always part of the problem.

The Winner is always has a program;
The Loser always has an excuse.

The Winner says,"Let me do it for you;
The Loser says;" That is not my job."

The Winner sees an answer for every problem;
The Loser sees a problem for every answer.

The Winner says," It may be difficult but it is possible";
The Loser says, "It may be possible but it is too difficult."

When a Winner makes a mistake, he says," I was wrong";
When a Loser makes a mistake, he says," It wasn't my fault."

A Winner makes commitments;
A Loser makes promises.

Winners have dreams;
Loser have schemes.

Winners say," I must do something";
Losers say, "Something must be done."

Winners are a part of the team;
Losers are apart from the team.

Winners see the gain;
Losers see the pain.

Winners see possibilities;
Losers see problems.

Winners believe in win/win;
Losers believe for them to win someone has to lose.

Winners see the potential;
Losers see the past.

Winners are like a thermostat;
Losers are like thermometers.

Winners choose what they say;
Losers say what they choose.

Winners use hard arguments but soft words;
Losers use soft arguments but hard words.

Winners stand firm on values but compromise on petty things;
Losers stand firm on petty things but compromise on values.

Winners follow the philosophy of empathy: "Don't do to others what youwould, not want them to do to you";
Losers follow the philosophy, "Do it to others before they do it to you."

Winners make it happen;
Losers let it happen.

5/25/07

Step of Life

กว่าจะถึงขั้นสุดท้าย.. ต้องผ่านขั้นแรก
เดินขึ้นบันได..กว่าจะถึงขั้นสุดท้าย..ต้องผ่านขั้นแรกเราต่างมีจุดหมายอยู่ที่ชั้นสองเหมือนกัน
กว่าจะขึ้นไปได้..ก็ต้องก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น
บางคนเรียนลัด..พยายามก้าวทีละสองถึงสามขั้น
แต่พลัดตกลงมาก็เจ็บ..แถมต้องมารักษาตัวเสียเวลาเข้าไปอีก
หลายคนมีความฝัน..และก็อยากจับต้องมันได้เร็วๆ ..ไปถึงมันเร็วๆ แต่กลับลืมมองว่า..กว่าจะถึงมันได้.. เราต้องขึ้นบันไดขั้นที่ 1 2 3 ไปเรื่อยๆ ก่อน
ฉันเชื่อเสมอว่า..เรามักจะฝันในสิ่งที่ไกลเกินตัว และไม่สามารถทำในขณะนั้นได้
เราต้องผ่านสนามฝึกฝน..พัฒนาความสามารถของตัวเอง.. เพื่อไต่เต้าไปสู่จุดนั้น..
ในเมื่อเรามองเห็นชั้นสองอยู่ข้างหน้า.. แล้วรู้ว่าบันไดที่จะก้าวจะนำเราไปสู่มัน
เราก็ต้องเดินขึ้นไป..ทำอะไรที่ไม่อยากทำ..แต่เป็นทางผ่านไปสู่ปลายทาง
ไม่ต้องกลัวว่า..ขณะเราเดิน..จะทำให้เราเบี่ยงทิศทาง
ถ้าเรามองเห็นจุดหมายชัดเจน..เราจะเดินไปถึงมัน..
จะเป็นเมื่อไหร่นั้น..เดี๋ยวก็รู้



http://www.pantown.com/board.php?id=3195&name=board11&topic=54&action=view

ข้อคิดสำหรับผู้ประสบความสำเร็จ

หัดคิดแต่ด้านบวก.......แล้วจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้
หัดฝัน.....แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่
หัดพูดแต่ด้านบวก…..แล้วจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่รักเรา
หัดยิ้ม.....แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่น่ารัก
หัดฟาดฟันกับอุปสรรค…..แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่เข้มแข็ง
ลองทน.....แล้วจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใคร
ลองออกกำลังกายทุกวัน.....แล้วจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง
ลองคิดเอาชนะ ...แล้วจะรู้ว่าเราสามารถเอาชนะ ตัวเองได้ไม่ยาก
ลองคิดให้ใหญ่.....แล้วจะรู้ว่าเรามีความสามารถอย่างน่าแปลกใจ
น ักพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่งได้เริ่มหยุดการสัมนาของเขาโดยการหยิบแ บงค์ 1,000 ขึ้นมาในห้องที่มีผู้เข้าร่วม 200 ท่าน แล้วเขาก็พูดว่า “ใครอยากได้แบงค์ 1,000 นี้บ้าง?” มือได้ถูกยกขึ้นเป็นจำนวนมาก และเขาก็พูดต่อว่า “ฉันจะให้เงินแบงค์ 1,000 นี้แก่หนึ่งในพวกท่านแต่ครั้งแรกนี้ฉันจะทำอย่างนี้”เขาเริ่มที่จะ ขยำๆเงินนั้นแล้วเขาก็ถามอีกว่า "ใครจะยังต้องการมันอีก" ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก "ดี" เขาตอบ "แล้วถ้าฉันทำอย่างนี้ล่ะ" และเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้นและเริ่มที่เหยียบย่ำมันด้วยรองเท้าของเขา แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา ขณะนี้มันทั้งยับยู่ยี่ และสกปรก "ตอนนี้ใครยังต้องการมันอีก" ก็ยังคงมีคนยกมืออีก " เพื่อนๆคุณได้เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่าไม่ว่าฉันจ ะทำอะไรกับเงิน คุณก็ยังต้องการมันอยู่ เพราะว่ามันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย มันก็ยังคงมีค่า1,000 บาทอยู่นั่นเอง เหมือนกับหลายๆครั้งในชีวิตของเราที่ถูกทิ้ง ถูกเหยียบย่ำ และถูกทำให้สกปรก โดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมันและสภาพแวดล้อมที่เราเจอ ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลดน้อยลง แต่ไม่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้น หรืออะไรที่จะเกิดขึ้น คุณไม่เคยสูญเสียคุณค่าของคุณ คุณเป็นคนพิเศษ -
- อย่าลืมมันตลอดไป! "อย่านำความผิดหวังของเมื่อวานมาบดบังความฝันในวันพรุ่งนี้"

แบบทดสอบทายนิสัย

แบบทดสอบทายนิสัย
แต่ห้ามดูเฉลยก่อนนะ เดี๋ยวไม่แม่น
เลือกข้อที่ใกล้เคียงมากที่สุดนะ
1. บุคคลิกภาพของคุณเป็นอย่างไร?
(I) ชอบสันโดษ, คิดก่อนทำ, มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากตัวเองเป็นใหญ่
(E) ชอบเข้าสังคม, ชอบไปงานสังสรรค์, ทำก่อนคิด,มีแรงบันดาลใจหรือความคิดจากคน, สิ่งของ, สิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่

2. เมื่อคุณมีข้อมูลที่ต้องพิจารณา คุณจะพิจารณาข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร?
(S) ดูถึงรายละเอียดของข้อมูล, ดูถึงปัญหาปัจจุบัน, ดูถึงหลักความเป็นจริง
(N) ดูถึงภาพรวมหรือข้อสรุปของข้อมูล, คาดการณ์ล่วงหน้า, ดูถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น

3. คุณใช้อะไรในการตัดสินใจกับปัญหา? (โดยสัญชาตญาณของคุณ)
(T) ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ, ใช้หลักตรรกวิทยาความถูกต้อง, คิดถึงผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจ
(F) ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ, ตัดสินใจจากความชอบ, ความต้องการ, คิดถึงความต้องการและการตอบสนองของตน

4. คุณมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร?
(J) ชอบวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน, ชอบตั้งเป้าหมาย ระยะเวลา วันที่ในการทำ, ชอบตัดสินใจเพื่อให้จบปัญหา
(P) ยอมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งรอบตัว, ไม่ยึดติด, มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์, รับฟังความคิดผู้อื่น

วิธีการ : เลือกตัวอักษรภาษาอังกฤษหน้าข้อที่เลือก แล้วนำมาเรียงกัน

คำเฉลย :

ISTJ - The Duty Fulfiller "ผู้สำเร็จ"
- มีสมาธิสูง, เงียบ, เป็นคนรักครอบครัว
- ละเอียด, จริงจัง และไว้ใจได้
- ทำงานหนัก, เจ้าระเบียบ และมีความรับผิดชอบสูง
- อาจจะทำให้ถูกเอาเปรียบได้ เพราะความที่เขาซื้อสัตย์และเป็นที่พึ่งได้
- ไม่เก่งเรื่องของความรู้สึก
ISTP - The Mechanic "ช่างเครื่อง"
- เงียบ, ชอบผจญภัยและกีฬา
- ชอบเสี่ยง, เป็นตัวของตัวเอง, แก้ปัญหาเก่ง
- มองโลกในแง่ดี แต่อาจโกรธง่ายตอนเครียด
- ปกติไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้คนอื่นอยู่ทั้งดีและไม่ดี
ISFJ - The Nurturer "ผู้ดูแล"
- เงียบ, ใจดี, มีสติ
- มีความรับผิดชอบ แก่ภาระและหน้าที่
- คิดถึงคนอื่นก่อนตัว, จำคนเก่ง
- เสียกำลังใจเมื่อถูกวิจารณ์
- ชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเอง

ISFP - The Artist "ศิลปิน"
- เงียบ, ใจดี, จริงจัง และอ่อนไหว
- ไม่ชอบการโต้แย้ง, ไม่ชอบระเบียบ
- ความคิดสร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร, รักขอบสวยของงาม
- เข้าใจยาก, เปิดเผยตัวเองกับคนใกล้ชิดเท่านั้น
- ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง
INFJ - The Protector "ผู้ป้องกัน"
- ความคิดสร้างสรรค์, อ่อนไหว, เป็นตัวของตัวเอง
- เก่งเรื่องคน และ สถานการณ์
- เป็นคนลึกซึ้ง, ซับซ้อน, ชอบความเป็นส่วนตัว
- เข้าใจยาก, มีความมั่นใจในตัวเองสูง, ดื้อรั้นต่อความคิดของผู้อื่น
- ไม่ชอบการโต้แย้ง
INFP - The Idealist "นักอุดมการณ์"
- เงียบ, ซื่อสัตย์, ชอบอุดมการณ์
- ชอบช่วยเหลือ และเข้าใจคนอื่น
- ไม่ชอบการโต้แย้ง
- ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
- มีความคิดสร้างสรรค์
INTJ - The Scientist "นักวิทยาศาสตร์"
- ฉลาด, มุ่งมั่น, ไม่เหมือนใคร
- เป็นผู้นำที่ดี, มีความมั่นใจสูง, มองการณ์ไกล
- ชอบคิดคนเดียวและชอบอยู่คนเดียว, ชอบด่วนสรุป, ไม่ชอบรายละเอียด,คิดว่าตนเองถูกเสมอ
- บอกความรู้สึกไม่เก่ง, จะมีปัญหากับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
INTP - The Thinker "นักคิด"
- ความคิดสร้างสรรค์, เป็นตัวของตัวเอง, มีเหตุมีผลและมีความสามารถสูง
- ไม่อยากถูกนำหรือนำคนอื่น, ไม่ชอบระเบียบ
- ใช้เวลาในหัวตัวเองมาก, ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
- เงียบ, ไม่ค่อยรู้ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง
- มีอารมณ์ซับซ้อน, ไม่อยู่นิ่งและแปรปรวน
ESTP - The Doer "ผู้กระทำ"
- เป็นมิตร, ยืดหยุ่นง่าย, เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเก่ง
- ไม่ชอบคำอธิบาย แต่ต้องการแค่ผลลัพธ์
- ใช้ชีวิตที่สนุกสนาน จึงทำให้ผ่านไปเร็ว
- รักสนุก, สามารถทำร้ายจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
- ไม่ชอบเคารพกฎระเบียบ
- เบื่อง่าย
ESTJ - The Guardian "ผู้พิทักษ์"
- มีระเบียบ, ซื่อตรง, ตรงไปตรงมา
- มีความมั่นใจในตัวเอง, มีความสามารถ, ทำงานหนัก, เป็นผู้นำ
- ชอบความปลอดภัย และ ความสงบสุข
- บอกความรู้สึกและความห่วงใยไม่เก่ง

ESFP - The Performer "ผู้แสดง"
- อยู่คนเดียวในโลกไม่ได้, มีมนุษยสัมพันธ์ดี, รักสนุกและทำงานเป็นทีมได้ดี
- มองโลกในแง่ดี, ต้อนรับทุกคนแต่ก็เกลียดทุกคนได้เหมือนกัน
- ไม่ชอบงานประจำ, คิดมากเวลาเครียด
- รักสวยรักงาม
ESFJ - The Caregiver "นักใส่ใจ"
- มีน้ำใจ, คนชอบ, มีสติ, มีความรับผิดชอบ
- เก่งเรื่องคน, เข้าใจ, สนใจ และปรับตามคนได้
- ชอบให้คนชอบ, ชอบบริการผู้อื่นก่อนตนเอง
- รักสงบและความปลอดภัย, ไว้ใจได้, กระตือรือร้น
- อ่อนไหว, ต้องการการเห็นด้วยจากผู้อื่น
ENFP - The Inspirer "ผู้มีแรงบันดาลใจ"
- มีความคิดสร้างสรรค์, กระตือรือร้น, ยืดหยุ่น
- ต้อนรับไอเดียใหม่ๆ เสมอ แต่จะเบื่อกับรายละเอียด
- มีมนุษยสัมพันธ์ดี, ชอบให้คนชอบแต่ก็สามารถหลอกใช้ผู้อื่นได้ด้วย
- เป็นคนร่าเริงและชอบเป็นอิสระ
ENFJ - The Giver "ผู้ให้"
- มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก, ห่วงใยความรู้สึกของผู้อื่นเสมอ
- ไม่ชอบอยู่คนเดียว, ต้องการอยู่กับผู้อื่นตลอดเวลา
- มีความสามารถที่จะทำในสิ่งที่เขาชอบหลายๆ อย่าง
- มีความมั่นใจในตัวเอง, เจ้าระเบียบ
ENTP - The Visionary "ผู้มีวิสัยทัศน์"
- มีความคิดสร้างสรรค์, ฉลาด, แก้ปัญหาเก่ง
- ชอบไอเดียใหม่, ไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ
- ชอบคุย, คุยเก่ง, หัวไว
- ไม่สนใจเรื่องความรู้สึก แต่เพียงจะให้งานสำเร็จ
- บางครั้งอาจจะเคร่งครัดกับคนรอบข้าง
ENTJ - The Executive "ผู้บริหาร"
- เป็นผู้นำตั้งแต่เกิด, พูดต่อหน้าคนเก่ง, ฉลาด, มีความรู้
- เห็นความสำคัญในความรู้และความสามารถ, ไม่มีความอดทนกับคนทำงานไม่เก่ง
- แก้ปัญหาเก่ง, สามารถเข้าใจปัญหาซับซ้อน
- เจ้ากี้เจ้าการ, ไม่มีความอดทน, เด็ดขาด, น่าเกรงขาม

คนโง่...คนฉลาด...คนเจ้าปัญญา

ว่าด้วยความคิด
คนโง่ : ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนืองๆ ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด คนฉลาด : คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดียากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความกล้าหาญ
คนเจ้าปัญญา : คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

ว่าด้วยทัศนคติ

คนโง่ : ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพาชีวิต ตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์ ยามพบสิ่งดีจะไม่เข้าใจจึงพลาดโอกาสใหญ่
คนฉลาด : ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว จึงได้แต่สิ่งดีโดยมาก ครั้นพบสิ่งชั่วร้าย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น ต้องถอยหนีสถานการณ์ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคืองและปฏิฆะเร้นลึก
คนเจ้าปัญญา : ละชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี แล้วละแม้ความดีเข้าสู่ความบริสุทธิ์ จึงเห็นที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่าทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณ โทษ และความเป็นกลางอยู่ จึงบริหารสถานการณ์ได้ และทำใจได้ในทุกภาวการณ์

ว่าด้วยความโง่และความฉลาด

คนโง่ : ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของตนตามที่เป็น
คนฉลาด : ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด
คนเจ้าปัญญา : ย่อมเห็นความโง่และความฉลาด ที่ซ้อนกันอยู่ และวิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่งๆขึ้นไป จึงค่อยๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ


ว่าด้วยการพูดจา
คนโง่ : ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะ และความบาดหมางแทนความรู้
คนฉลาด : ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้ และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก
คนเจ้าปัญญา : ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ้งแล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม

ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา
คนโง่ : พอพบกับปัญหาอะไรก็โวยวาย ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์อีกหลายชั้น จึงยิ่งเสียหาย
คนฉลาด : พอพบปัญหาก็วิเคราะห์ เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหา จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา
คนเจ้าปัญญา : พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น


ว่าด้วยการบริหารและการปกครอง
คนโง่ : พยายามบริหารคน จึงวุ่นวายสับสนตามธรรมชาติของคน
คนฉลาด : พยายามบริหารประโยชน์สัมพันธ์ จึงยุ่งยากซับซ้อนตามปรารถนาอันไม่สิ้นสุด
คนเจ้าปัญญา : พยายามบริหารระบบธรรม จึงสงบลงตัว ณ จุดพอดี

ว่าด้วยความคิด!!!
คนโง่ : เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น และโยนความผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็นการทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย
คนฉลาด : เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอมรับความจริงและแก้ไขตัว ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น ชีวิตจึงเจริญและผาสุกโดยลำดับ
คนเจ้าปัญญา : เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจทุกคนในทุกสถานการณ์ เห็น***ส่วนการบริหารคนที่เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน แต่จะทำลายความชั่วสากลให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป



ว่าด้วยการทำงาน
คนโง่ : ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็นและมักไม่ได้คุณค่าอื่นๆของงาน
คนฉลาด : ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่และได้เงินตามมาโดยง่าย
คนเจ้าปัญญา : ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ

ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ
คนโง่ : เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก
คนฉลาด : กตัญญูผู้มีพระคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย ซึ่งต้องตามชดใช้บุญคุณกันไม่รู้จบ
คนเจ้าปัญญา : ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระคุณที่ยิ่งกว่า เกิดวงจรการให้ และการรับที่พัฒนาต่อเนื่องทุกฝ่ายจึงได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง


ว่าด้วยความเพียร

คนโง่ : มัวขยันในเรื่องไร้สาระ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์ แล้วมักตัดพ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี
คนฉลาด : มักขยันในเรื่องที่มีคุณมากมีโทษน้อย จึงได้ประโยชน์มากและมีโทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าห์ระวังอย่างสุดแล้วยังพบเรืองร้ายๆ อีก
คนเจ้าปัญญา : ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถานการณ์อย่างอิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป


ว่าด้วยความจริงจัง
คนโง่ : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง จึงเครียดแทบบ้า
คนฉลาด : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ จึงสนุกสนานจนไร้สาระ
คนเจ้าปัญญา : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ จึงรุ่งเรืองรวดเร็ว

ว่าด้วยความประสบความสำเร็จ
คนโง่ : รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบซักครั้ง
คนฉลาด : เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก
คนเจ้าปัญญา : ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างความสำเร็จแน่ๆ และเหนื่อยน้อยกว่า

Methodology of Successful Person

Methodology of a Successful Person
1. Know your values
2. Know your audiences
3. Position yourself
4. Know opportunities and threats
5. Increase your strengths
6. Reduce your weakness using your alliance's strength
7. Identify your vision
8. Specify your missions and set its milestones
9. Select suitable strategies10 Plan for detailed plans
11. Just do it
12. Timely evaluate your performance
13. Improve and don't stop until you get succeeded


ASPIRE To self organization.
A = Analyze your present situation.
S = Set and sell your goals.
P = Plan to achieve your goals.
I = Implant goals and plans in your memory.
R = Reactivate your determination.
E = Exert self discipline.


TO TEST EACH GOAL….ASK :
1. Is it worthwhile goal?
2. Can you achieve it?
3. Is it clearly defined?
4. Have you considered all obstacles?
5. Can it be split into sub-goals?

Inno-People

1.กล้าเปิดใจรับฟัง (Open Minded)
รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากผู้อื่นด้วยความเต็มใจ แสดงความคิดเห็นของตนและยินดีปฏิบัติตามความคิดเห็นของผู้อื่นที่ดีกว่าความคิดเห็นของตน
๐ยินดีรับฟังและทำความเข้าใจกับความคิดเห็นที่แตกต่างกับความคิดของตนเอง
๐เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของตนไปตามความคิดที่ดีกว่าได้โดยไม่กลัวเสียหน้า
๐ไม่ทับถมความล้มเหลว แต่เรียนรู้และยกย่อง ถ้าสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ในอนาคต


2.กล้าคิดนอกกรอบ (Thinking out of the Box)
กล้าคิดนอกกรอบ คิดในสิ่งที่ต่างจากกรอบความคิดเดิมๆ หรือลึกซึ้งกว่าเดิมได้อย่างรวดเร็ว สามารถนำความคิดไปปฏิบัติ ตลอดจนสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่เคยพบมาก่อนได้อย่างฉับพลัน
๐คิดสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม ซึ่งสามารถนำมาปฏิบัติได้
๐แก้ไขปัญหาหรือพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เดิมได้อย่างสร้างสรรค์
๐นำแนวความคิดสร้างสรรค์สู่การปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ได้

3.กล้าพูดกล้าทำ (Assertive)
กล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงความเห็นที่แตกต่างจากคนหมู่มาก กล้าทำ กล้าแสดงออกในสิ่งที่เหมาะสม บนพื้นฐานของประโยชน์ส่วนรวม กล้าตัดสินใจ กล้าเสนอวิธีการทำงานและมุมมองต่างๆ ที่ทำให้งานบรรลุเป้าหมาย ส่งผลถึงตนเองและองค์กรโดยรวม
๐แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความมั่นใจและมีจุดยืน โดยไม่ละเมิดสิทธิในการคิดของผู้อื่น
๐กล้าวิพากษ์แนวคิด (ไม่ใช่วิจารณ์คน) และกล้าตัดสินใจ
๐เสนอแนวทางหรือวิธีการทำงานใหม่ๆ ทั้งในงานที่รับผิดชอบและงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

4.กล้าเสี่ยงกล้าริเริ่ม (Risk Taking)
กล้าริเริ่ม กล้าเสี่ยงทำในสิ่งใหม่ๆ บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่ และใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้การเสี่ยงบรรลุผลสำเร็จ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งกับองค์กรและตัวพนักงานเอง และนำสิ่งที่เป็นบทเรียนจากความสำเร็จหรือความล้มเหลวในอดีต มาประกอบการวิเคราะห์ตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล
๐แสวงหาโอกาสในการทำสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายอยู่เสมอ
๐วิเคราะห์โอกาส หรือประเมินผลได้ผลเสียจากความเสี่ยง และกล้าลงมือทำ หลังจากที่ประเมินความเสี่ยงแล้ว
๐ลดความกลัวที่จะล้มเหลว หรือเรียนรู้จากข้อผิดพลาด เพื่อป้องกันและแสวงหาโอกาสต่อไป

5.กล้าเรียนใฝ่รู้ (Eager to Learn)
๐แสวงหาความรู้ใหม่ๆ ไม่อายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาตนเองและทีมงานอยู่เสมอ สามารถนำความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดวิธีการทำงานหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่น
๐แสวงหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตนเองหรือทีมงานอยู่เสมอๆ
๐นำความรู้ใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ หรือสร้างสิ่งใหม่ๆ ในการทำงาน
๐แบ่งปันความรู้ ความคิด เพื่อการพัฒนาต่อยอด หรือพัฒนาเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ


Inno-Leader (ผู้นำ 3 ประการ)

1.เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Lead Change through Vision & Values)
กำหนดวิสัยทัศน์หรือทิศทางอนาคตของธุรกิจหรือหน่วยงานอย่างชัดเจน สื่อสารและส่งเสริมให้ผู้ร่วมทีมมีความเข้าใจตรงกันว่า การเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้องค์กรและพนักงานไปสู่จุดหมายที่ต้องการ และนำไปสู่การปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน
๐เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
๐กำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ชัดเจน
๐ใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิผล เพื่อให้พนักงานทุกคนเข้าใจถูกต้องตรงกันเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ และทิศทาง การเปลี่ยนแปลงในอนาคตขององค์กร
๐กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วยการเข้าถึงพนักงานโดยตรง เพื่อให้เกิดการสื่อสารสองทางระหว่างผู้นำและพนักงาน

2.เป็นผู้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง (Facilitate & Support Change)
กระตุ้นและสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งนำไปสู่สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้เกิดกับพนักงาน และสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมทีมแสดงความคิดเห็นและได้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ภายในองค์กร
๐สร้างบรรยากาศองค์กรแห่งนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้คนกล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าลงมือปฏิบัติ กล้ารับความผิดพลาด
๐ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ และบริหารกระบวนการนำความคิดสร้างสรรค์ไปทดลองปฏิบัติ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ในองค์กร
๐สนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงสู่ผลสำเร็จและเกิดสิ่งใหม่ๆ ในองค์กร

3.เป็นผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงด้วยการทำเป็นแบบอย่าง (Execute Change by being the Role Model)
เป็นแบบอย่างของการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร โดยการลงมือปฏิบัติให้เห็นจริง บริหารการเปลี่ยนแปลงให้บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับพนักงานในองค์กร และยอมรับผลอันสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลง
๐เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น
๐แสดงให้ทุกคนเห็นว่าตนเองพร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
๐อดทนและควบคุมอารมณ์ต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลง