" ทำไมเราไม่มีความสุขเลย " " ทำไมชีวิตเราต้องต่อสู้เพียงนี้ " " บางครั้งได้เรื่องแต่บางครั้งก็ไม่ได้ดังใจเอาเสียเลย " ด้วยคำถามเหล่านี้ คุณเคยหยั่งถามตัวเองหรือไม่ อาจเคยถามแต่เรากลับไม่ได้ยินคำตอบใด ๆ จากใจเรา หากไม่ลองหยุดพักมารับฟังมันบ้างจากวันที่แสนเหนื่อยหน่ายของเรา หรือแม้แต่ลองค่อย ๆ คิดอย่างพินิจพิเคราะห์และสูดลมหายใจจนลึกสุด เราก็ไม่อาจได้ยินคำตอบที่ลึกและซับซ้อนจากข้างในได้เลย
เมื่อแก่ตัวขึ้น คำถามทั้งหลายเกี่ยวกับธรรมชาติและคุณภาพชีวิต มักจะผุดขึ้นมาอยู่เรื่อยไป ณ ตอนนั้น ถึงแม้เราต้องง่วนอยู่กับการจ่ายค่างวดรถ ค่าจำนอง หรือค่าใช้จ่ายในวิถีชีวิตแต่ละวันอีก และเคยชินกับการหาคำตอบหลายครั้งหลายคราวจากภายนอกตัวเราก็ตาม นั่นก็ทำให้เราล้มเหลวและผิดหวังอยู่ดีที่จะนึกถึงสิ่งต่างๆเหล่านั้นในโลกแห่งความจริง เราอาจต้องหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อที่จะหาคำตอบที่เก็บไว้ลึก ๆ ข้างในนั้นบ้าง ต้องหยุดคิดสักครู่แล้วปลดปล่อยให้มันลอยผุดขึ้นมาเองให้จงได้
เมื่อเราใช้เวลาสักพักกับมัน เราอาจฉุกคิดสะท้อนเรื่องราวที่เราได้ทำไปแล้วบ้าง และอาจนึกถึงสิ่งที่คาดหวังไว้แล้วนำมาตัดสินใจว่า เรากำลังดำเนินชีวิตตามที่เราต้องการหรือไม่ เราถูกบัญชาชีวิตตนเองโดยคนอื่นหรือไม่ ในห้วงเวลานี้แหละ ที่จะทำให้เราได้ยินเสียงตอบของตัวเรา จากตัวตนและความปราดเปรื่องของตัวเราเอง ซึ่งอาจทำให้เรานึกถึงทักษะแฝงของเราหรือพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์ที่เรามีอยู่ เพื่อนำมาสร้างผลงานตามที่วาดหวังไว้ และยังทำให้เราเก็บเกี่ยวรางวัลแห่งความสุขและความสมหวังได้ พร้อมกับรายรับที่เป็นตัวเงินอีกด้วย
ยามใดก็ตามที่เรากลับไปใช้ชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายอีกตามเดิม เราจะพบว่า เราก็คงต้องดำเนินชีวิตตามที่มันเป็นอยู่อย่างนั้นอีก ซึ่งไม่มีวันเหมือนเครื่องจักรที่กำลังเดินเครื่องอยู่ ดังนั้นหากเราเลือกที่จะพักจากงานอาชีพประจำสักนิด เมื่อกลับมาทำอีกครั้ง จะรู้สึกว่า งานนั้นยังดีอยู่และยังน่าพึงพอใจอีกด้วย
จะเห็นได้ว่า เวลานั้นล่วงไปเหมือนเราไม่เคยได้ใช้มันเลย มันผ่านพ้นไปดื้อ ๆ แม้แต่พลังอำนาจที่ผนึกกันของผู้ยิ่งใหญ่ในโลกนี้ ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือหยุดยั้งมันได้ ดังนั้นในที่สุด สิ่งหนี่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ เราจะใช้เวลาอย่างไร สิ่งที่เรากำลังทำอยู่จะมีความหมายพอที่เราจะทำต่อไปจากนี้อีกสัก 10-15 ปี หรือไม่ และที่สำคัญเราจะพอใจหรือเปล่าหนอ
หากคุณเลือกเดินไปตามทางคุณ ลองถามตัวคุณเองดูซิว่า คุณจะพลาดโอกาสทำสิ่งใดบ้าง และจะมีอะไรส่งผลกระทบตัวคุณหรือคนที่คุณรักอย่างไรบ้าง ถ้าหากคุณสูญสิ้นจิตวิญญาณจากความเบื่อหน่ายทุก ๆ ปีทีละน้อย ๆ กระทั่งหลังจากครึ่งชีวิตผ่านไปแล้ว คุณจะลงเอยเป็นคนเช่นไร เป็นสามี ภรรยา พ่อ แม่ หรือเพื่อน ประเภทไหนกันแน่ ทางออกก็คือ ถ้าคุณต้องการใช้เวลาสักพักเพื่อหยุดคิดย้อนดูสักหน่อยจะไม่คุ้มค่ากว่าหรือ
บางคราวอาจต้องใช้เวลาและความพากเพียร เพื่อค้นหางานที่ใช่ และวิถีชีวิตตามความฝันของตนเอง ต่อไปนี้คือคุณลักษณะเฉพาะบางประการที่จะต้องค้นหาด้วยตัวเองและมันอาจช่วยคุณได้บ้าง
1. มีวิสัยทัศน์ -- ต้องมีวิสัยทัศน์หรือมุมมองที่กระจ่างชัดในสิ่งที่คุณต้องการให้ได้ สามารถบ่งชี้วิสัยทัศน์ของตนได้ในรายละเอียด ลองนึกและสร้างมโนภาพตัวเองในสภาวการณ์ใหม่ ๆ ยิ่งได้ลองทำยิ่งเป็นไปได้สูงหรือบางทีคุณอาจคิดได้ว่า คุณก็ทำได้จริงและเป็นไปได้
2. มีความตั้งใจอย่างแข็งขัน -- ตัดสินใจทำสิ่งที่ต้องการให้ได้ ไล่ล่าติดตามเป้าหมายทุกขณะ ไม่ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ หรือเขียน พูด เสาะหา อ่าน และกำลังเป็นอยู่ โดยต้องลงมือปฏิบัติจริงจังไปด้วย อย่าลืมตั้งเป้าหมายที่แน่นอนว่า คุณจะทำให้สำเร็จให้จงได้ ต้องคอยสนใจจดจ่อกับมันโดยไม่ปล่อยให้อุปสรรคหรือใครขวางทางเดินของเราได้
3. มีความเชื่อมั่น -- คนที่มีความเชื่อมั่นไม่โอนเอนย่อมยืนหยัดสู้กับสิ่งที่ท้าทายได้เสมอ มีความพยายามนำพาเราไปสู่ความเป็นจริงให้ได้ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าน่าจะช่วยได้จริง แต่นั่นหมายความว่า เราไม่ควรตั้งเป้าหมายให้สูงจนเกินไป คนที่ประสบความสำเร็จ มักจะคอยรักษาเป้าหมายของพวกเขาให้สูงไว้ และพยายามกำหนดความมุ่งหวังตามแนวเส้นที่ขีดไว้ เพื่อให้สำเร็จอย่างไม่กดดันจนเกินไป หลายคนอาจมองเราว่าคงเป็นได้แค่พวกช่างฝัน แท้จริงแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายนั่นแหละ คือ ผู้ปฏิบัติการล่าฝันตัวจริง เพราะว่าพวกเขามีความฝันและคิดมุ่งมั่นที่จะทำความฝันนั้นให้กลายเป็นจริงได้นั่นเอง
4. ต้องใช้วิธีการลงมือทำด้วยตนเอง -- คุณต้องรู้ว่าสิ่งใดบ้างที่คุณจะต้องทำและรีบลงมือทำได้เลย เช่น หากคุณต้องการขับรถให้ได้คุณก็ต้องนั้งหลังพวงมาลัยแล้วขับมันด้วยตัวคุณเอง ถ้าอยากเต้นรำเป็น ก็ต้องขยับเท้าให้เข้ากับจังหวะดนตรีให้ได้ หากต้องการหางานหรืออาชีพใหม่ทำ หรือแม้แต่อยากเพิ่มพูนทักษะให้ดีกว่าเดิม คุณก็ต้องเสาะหาลงมือเลือกด้วยตัวคุณเอง ตัดสินใจและวางแผนไปเลยแล้วลงมือปฏิบัติตามแผนนั้นอย่างเอาจริง ทุกสิ่งอย่างต้องการการขับเคลื่อน จงเคลื่อนไปข้างหน้าตามหาเป้าหมายของคุณให้จงได้ อย่าหยุดยั้ง ต้องทำด้วยตนเอง
5. มีใจมุ่งมั่นในทิศทางของตน -- ต้องกระโดดลงต่อสู้ตามทางของตนอย่าหยุดหรือล้มเลิกกลางคันด้วยความขลาดกลัวใด ๆ หรือ แม้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างคอยฉุดรั้งคุณให้หันหลังกลับก็ตาม อย่าไปสนใจแม้จะมีสิ่งที่ดีที่สุดมาคอยหลอกล่อตัวเราไว้ หากรู้และมั่นใจในเส้นทางของเราข้างหน้าดีกว่าอยู่แล้ว จงอย่าปล่อยให้สิ่งเหนี่ยวรั้งข้างหลังมาคอยผัดวันประกันพรุ่งเราจนเนิ่นนาน คุณต้องตัดใจเดินหน้าต่อ และโบยบินไปตามเส้นทางของตน
มีความศรัทธา -- ต้องเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมว่าเรานี่แหละจะต้องทำได้และรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันเป็นแค่เรื่องของเวลา ถ้าสิ่งไหนไม่ขยับหรือขับเคลื่อนเดินหน้าอย่างรวดเร็วตามที่ต้องการหรือสิ่งนั้นไปไม่ถูกทางหรือ จำเป็นต้องออกกลางคันระหว่างทาง จงจำไว้เสมอว่า นั่นจะไม่มีผลกระทบต่อศรัทธาของเราอย่างถาวรเป็นแน่ เช่นเดียวกับคุณตกจากหลังม้า ง่ายนิดเดียวแค่กลับขึ้นไปขี่บนหลังมันอีกครั้ง เพียงแต่อย่าหมดศรัทธากับสิ่งที่เราต้องการเป็นพอแล้ว
No comments:
Post a Comment