6/8/07

บุคลิก CEO

เร็วๆ นี้ ผมได้มีโอกาสฟังรายการ New Dimensions จัดโดย ดร.บุญชัย โกศลธนากุลและดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ ทางสถานีวิทยุ FM 97.5 เกี่ยวกับเรื่องวิธีคิดและบุคลิกร่วมของ CEO ระดับโลก ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง จึงขอนำมาถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่านได้ลองพิจารณากันว่า บุคคลเหล่านี้เขามีแนวความคิดอย่างไร บริหารงานอย่างไร ถึงได้มีรายได้ต่อปีกันเป็นพันๆ ล้าน ยังไม่นับรวมหุ้น เงินปันผล และสวัสดิการอื่นๆ อีกมากมาย
เผื่อว่าพวกเราจะได้มีรายได้แบบอู้ฟู่อย่างนี้กันบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย!
นิตยสารที่ทรงอิทธิพลระดับโลก เช่น Fortune หรือ Forbes มักจะทำวิจัยเกี่ยวกับแนวความคิดของนักบริหารและเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะนำมาวิเคราะห์และสรุปบุคลิกและแนวคิดร่วม ซึ่งแน่นอน ย่อมเป็นวิธีคิดและประสบการณ์ที่หาได้ยากในคนทั่วไป ไม่เช่นนั้น บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย คงไม่ทุ่มทุนจ้างในเงินเดือนขนาดนี้ ซึ่งโดยเฉลี่ยสูงกว่าพนักงานธรรมดาถึง 25 เท่าหรือ 100 เท่าก็มี
บุคลิกภาพประการแรก คือ การเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง และเน้นไปที่ผลงานหรือเป้าหมายเป็นหลัก (End Result) ผู้นำส่วนใหญ่จะไม่ไปเน้นที่ปัญหาหรือขั้นตอนรายละเอียด แต่จะพยายามผลักดันให้ทีมงานบรรลุเป้าประสงค์ให้ได้ โดยมีลักษณะของความเป็นผู้นำที่มีความมั่นใจ (Self Esteem) แต่ไม่มากเกินไปจนเข้าข่ายก้าวร้าว
ประการต่อไป ควบคุมสติอารมณ์ได้ดี ทั้งแววตา สีหน้า โทนเสียง และกริยาอาการท่าทางทั้งหมด เรียกว่า Total Message ข้อนี้ ผู้บริหารบางคนไม่เข้าใจ คิดว่าตนเองพูดนิ่มๆ ใช้ภาษาสุภาพ แต่ปรากฏว่าน้ำเสียงและแววตาแสดงถึงความไม่พอใจ ตำหนิติเตียน หรือถากถาง แน่นอนลูกน้องขวัญกระเจิดกระเจิง กู่ไม่กลับเพียงแค่ได้ยินชื่อเท่านั้น เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นสังเกตตัวเองอยู่ตลอดเวลา อย่าสติแตกบ่อยๆ และทำทุกอย่างตามธรรมชาติและจริงใจด้วย เสแสร้งก็ไม่ควรทำ ลูกน้องจับได้ง่ายๆ
บุคลิกน่าไว้วางใจ รักษาคำมั่นสัญญา ซื่อสัตย์ ยุติธรรม ไม่ลำเอียง ล้วนเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำ นอกจากนี้ ยังควรมีนิสัยคิดก่อนพูด ไม่ใช่เป็นคนพูดพร่ำเพื่อ เพ้อเจ้อ จะสังเกตเห็นว่า ผู้นำบางคนมีลักษณะนิ่งๆ เหมือนกับว่านั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร แต่ความจริงกำลังวางแผนงานล่วงหน้าตลอดเวลา และพูดเมื่อจำเป็น และด้วยปิยวาจาเท่านั้น คงไม่มีใครอยากอยู่กับผู้นำที่มีแต่คำผรุสวาทตลอดเวลา เป็นการลดเกรดตัวเอง และลดความน่าเคารพนับถือลงไปโดยอัติโนมัติ
นอกจากนี้ ผู้นำระดับแนวหน้ายังมีความคิดและบุคลิกที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์ มีแบรนด์ของตัวเอง เป็นคนที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าสวนกระแส ไม่ใช่เป็น ผู้ตามกระแสตลอดเวลา หากเราไม่สามารถสร้างความแตกต่างตรงนี้ได้ เราก็คงจะเหมือนๆ กับอีกหลายๆ คน ฟังแล้วชีวิตน่าเบื่อจัง!
อีกประการหนึ่ง คือ ความเป็นคนช่างถาม ช่างสังเกต มองเห็นความเป็นไป ความเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวของทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ใช่เป็นผู้บริหารประเภทคอยรับรายงานอยู่บนหอคอยงาช้าง หรือทำตัวเป็น Mr Know-All คือ รู้ไปหมด เก่งไปซะทุกอย่าง ไว้ใจใครไม่ได้เลย อย่างนี้ก็ปล่อยให้ทำไปคนเดียวดีกว่า ไม่ต้องจ้างคนอื่นอีก แต่ที่สำคัญ คือ การเป็นคนมีจิตวิทยาในการตั้งคำถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง ปราศจากการบิดเบือนใส่สีตีไข่จากคนรอบข้าง ตรงนี้เป็นศิลปะอย่างหนึ่งของผู้นำ ที่จะสามารถเปิดใจพนักงานให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก พัฒนาองค์กรไปพร้อมๆ กันได้หรือเปล่า
ปิรามิดหัวกลับ นั่นหมายถืง ผู้นำย่อมทำงานหนักมากกว่าบุคคลอื่นๆ ในองค์กร ไม่มีวันหยุด ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง ทั้งกิจกรรมของพนักงาน ของบริษัท ของสังคม ผู้นำจะยินดีรับทำด้วยความยินดีปรีดา ทำอย่างสม่ำเสมอ และด้วยความภาคภูมิใจ รวมถึงการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในแวดวงธุรกิจ และการทำตัวให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วย
ประการสุดท้าย คือ การไม่หลง ไม่เหลิงอำนาจ ทำตัวเป็นเศรษฐีเหลิงลม คนเรามักจะลืมตัวเมื่อมีอำนาจ มีลาภยศสรรเสริญ แต่คนที่จะก้าวขึ้นสู่สูงสุดและอยู่ได้อย่างมั่นคง ย่อมไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเหล่านี้ และไม่ยอมให้ปัจจัยภายนอกมาเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของเขาได้ง่ายๆ ผู้นำที่แท้จริงมักนิยมความสมถะ เรียบง่าย และเสมอต้นเสมอปลาย
ดูๆ แล้ว พวกเราก็มีโอกาสเป็น CEO ระดับโลกกับเขาเหมือนกันนะครับ!

No comments: